วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2557

วิธีรักษาสิวอย่างรวดเร็วในชั่วข้ามคืน ด้วยตนเอง

สิวเป็นปัญหาใหญ่สำหรับหลายๆคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับวัยรุ่นด้วยแล้ว สิวสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลา ที่มีทั้งสิวเสี้ยน สิวหัวดำ สิวหัวขาว สิวหัวช้าง หรือสิวเรื้อรัง ขยายลุกลามเหวอะหวะกลายเป็นรอยแผลเป็นที่น่าเกลียดขึ้นได้ หากปล่อยทิ้งไว้ไม่ยอมรักษา แต่จากนี้ไป ถ้าคุณมองตัวเองในกระจกและเห็นสิวบนใบหน้า คุณจะไม่ต้องกังวลอีกต่อไป!! ข่าวดีคือ มีหลายวิธีดีๆ และคุณสามารถทำได้ด้วยตัวเองเพื่อกำจัดสิว วันนี้เราจึงได้รวบรวมวิธีการรักษาสิวได้อย่างรวดเร็วในชั่วข้ามคืนมาฝากค่ะ เป็นเคล็ดลับดีๆ เพื่อช่วยให้คุณรักษาสิวทั้งหมดได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ หรืออาจจะภายในช่วง 2-3 วัน ก็เป็นไปได้ ในบทความนี้จะมุ่งเน้นไปที่สองสิ่งที่สำคัญคือ เคล็ดวิธีการรักษาสิวด้วยตนเองและการดูแลผิวเบื้องต้นที่คุณควรปฏิบัติทุกวัน


วิธีการกำจัดสิวแบบเร่งด่วน
แต่เมื่อมีความจำเป็นที่คุณต้องการกำจัดสิวให้หายไปในเพียงชั่วข้ามคืน ลองใช้วิธีการต่อไปนี้เพื่อการกำจัดสิวได้อย่างรวดเร็ว

1 ยาสีฟัน 
ในตัวยาสีฟันจะมีสารไทรโคลซาน (triclosan) มีคุณสมบัติเป็นสารยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิว โดยเริ่มจากล้างหน้าก่อนนอนและเช็ดให้แห้ง(เบาๆ) ใช้ยาสีฟันสีขาวแต้มที่สิว หลังจากนั้น 30 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำอุ่นให้สะอาด 
ข้อแนะนำคือ ใช้เป็นแบบครีมตัวยาสีฟัน ไม่ควรใช้เป็นแบบเจลยาสีฟัน เพราะมักจะมีส่วนผสมอื่น ๆ ที่สามารถทำให้ผิวของคุณระคายเคืองได้ 

2 แพ็คน้ำแข็ง 
โดยนำก้อนน้ำแข็งไปห่อในผ้าขนหนูนุ่ม แล้วนำไปวางบนสิวของคุณ มันจะช่วยลดการอักเสบบวมและอาการคันได้นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำแข็งในบริเวณอื่นๆของใบหน้าที่ไม่ได้เป็นสิว เพราะมันจะทำให้ผิวแห้ง 

3 น้ำมะนาว 
ใช้น้ำมะนาวแต้มที่สิวก่อนเข้านอน ในน้ำมะนาวประกอบด้วยวิตามินซี ซึ่งทำหน้าที่เป็นยาสมานแผล มันมีประสิทธิภาพช่วยในการทำให้สิวของคุณแห้ง นอกจากนี้ การดื่มน้ำมะนาวยังเป็นการทำดีท็อกซ์จะช่วยขจัดสารพิษที่สะสมในร่างกายด้วยนะค่ะ 

4 เบรคกิ้งโซดา 
เบรคกิ้งโซดา ก็คือ ผงฟูหรือโซเดียมไบคาร์บอเนตนั่นเอง ที่จะช่วยควบคุมระดับ pH ของผิว คุณสามารถใช้ผงฟูเพื่อผลัดผิวหน้าของคุณ โดยการนำผงฟูผสมกับน้ำ จากนั้นนำไปแต้มสิวบริเวณที่ติดเชื้อเท่านั้น และตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้ทิ้งไว้นานเกินไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณมีผิวที่บอบบาง โดยผงฟูมีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบและยังช่วยกำจัดรอยแผลเป็นจากสิวได้ด้วยนะค่ะ 

5 ใช้อบเชยผสมน้ำผึ้ง 
น้ำผึ้งเป็นยาประจำบ้านที่ดีในการรักษาสิว มันช่วยให้ผิวของคุณสามารถเก็บความชุ่มชื้นไว้ได้ น้ำผึ้งยังมีสารอาหารที่จำเป็นและช่วยในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิว โดยเรานำน้ำผึ้งแต้มที่สิวที่มีการติดเชื้อและทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น หรืออีกวิธีคือ นำน้ำผึ้งมาผสมกับอบเชย จากนั้นพอกให้ทั่วหน้า ทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น หากกลัวเปื้อนที่นอนสามารถใช้ผ้าบางรองไว้บนหมอน 

6 มากส์หน้าด้วยไข่ขาว 
ล้างหน้าและเช็ดหน้าของคุณให้สะอาด จากนั้นตอกไข่และแยกไข่แดงออก เพื่อแยกเอาเฉพาะไข่ขาว จากนั้นทาไข่ขาวบาง ๆ บนใบหน้าที่สะอาดและปล่อยให้แห้งประมาณ 10 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น ทำเช่นนี้สัปดาห์ละครั้ง แล้วคุณจะเห็นถึงความแตกต่างว่า ผิวของคุณกระชับขึ้น 


เคล็ดลับอื่น ๆ เกี่ยวกับวิธีการกำจัดสิวชั่วข้ามคืน ที่ควรทำอย่างยิ่ง 
หยุดเอามือสัมผัสหน้า หรือเท้าคางเวลาคิด เพราะมือของเราเต็มไปด้วยแบคทีเรีย ซึ่งจะทำให้สิวเห่อได้ 

สวมเสื้อผ้าที่สะอาด หนึ่งนี้ควรจะเป็นสามัญสำนึก ผ้าเช็ดหน้าปลอกหมอนและของคุณยังตกอยู่ภายใต้นี้ สิ่งเหล่านี้มักจะอยู่ในการติดต่อกับใบหน้าของคุณเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขามักจะทำความสะอาด 

ล้างหน้าให้สะอาด ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง ด้วยสบู่อ่อนที่ไม่ระคายเคือง แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น ซับเบาๆด้วยผ้าขนหนู จำไว้ว่าไม่ควรล้างหน้าบ่อยๆ เพราะจะทำให้ผิวหน้าสูญเสียความชุ่มชื่น โดยไม่ได้ช่วยป้องกันสิวแต่อย่างใด

ออกกำลังกายและกินเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพราะการออกกำลังกายช่วยทำให้เลือดหมุนเวียนดี มีออกซิเจนไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆได้เต็มที่ และจะช่วยให้คุณมีผิวที่สวยงามขึ้นด้วย ควรให้เวลาที่เพียงพอสำหรับการออกกำลังกาย อย่างน้อย 3 ครั้ง /สัปดาห์ 

กินเพื่อสุขภาพ การดูแลรักษาสุขภาพจะช่วยให้คุณมีผิวที่สวยงามขี้น ควรรับประทานผักและผลไม้จำพวกถั่วและเมล็ดธัญพืชในอาหารประจำวันของคุณ เพราะประกอบไปด้วยแร่ธาตุและวิตามินมากมายที่ช่วยในการบำรุงผิวพรรณของคุณให้สวยเปล่งปลั่ง 

นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะขณะที่นอนหลับ เซลล์ผิวหนังจะฟื้นฟูสภาพตัวเองที่เหน็ดเหนื่อยมาตลอดทั้งวัน 
ลองเข้านอนให้เร็วขึ้นกว่าปกติ 1-2 ชั่วโมง หน้าตาจะสดใสขึ้นค่ะ 

จัดการความเครียด สาเหตุของการเป็นสิวที่พบบ่อยคือความเครียด ดังนั้นควรหาวิธีผ่อนคลาย เพราะจะช่วยให้การไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลือง รวมทั้งการทำงานของเม็ดเลือดขาวในร่างกายดีขึ้น 

ทำดีท็อกซ์ การเป็นสิวย่อมแสดงว่าร่างกายในช่วงนั้นมีท็อกซินหรือพิษสะสมในร่างกาย การทำดีท็อกซ์จะช่วยขจัดสารพิษในร่างกายได้ 

ปรึกษาแพทย์ของคุณ ในบางกรณีการเกิดสิวอาจจะรุนแรง หากใช้วิธีรักษาสิวด้วยตนเอง แล้วพบว่า อาการไม่ดีขึ้นหรือเป็นมากขึ้น ทางออกที่ดีที่สุดคือไปพบแพทย์ทันที การรักษาอื่น ๆ อาจมีความจำเป็นเพื่อรักษาสิวบนใบหน้าของคุณ 

เรียบเรียงเนื้อหาโดย :acnecaresite.blogspot.com

วันพุธที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2557

6 วิธีดูแลผิวกายด้วยพืชพรรณธรรมชาติ

          ผิวพรรณที่ดูนุ่มนวลชุ่มชื้นทั่วทั้งเรือนกาย ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ผู้หญิงปรารถนา แม้จะมีผลิตภัณฑ์เพื่อดูแลผิวมากมายที่ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อดูแลและบำรุงผิวของสาว ๆ โดยเฉพาะ แต่ก็ยังอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าได้ดูแลอย่างเป็นธรรมชาติที่สุดก็คงจะดีกว่า วันนี้เราก็เลยนำวิธีการดูแลรักษาผิวพรรณของสาว ๆ ด้วยการใช้พืชพรรณธรรมชาติมาฝากกันค่ะ

       น้ำมันละหุ่ง ตัวเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิวชั้นยอด

          หากคุณมีปัญหาผิวแห้ง โดยเฉพาะที่หัวเข่าหรือว่าข้อศอก ให้ใช้น้ำมันละหุ่งทาบาง ๆ ทิ้งไว้ข้ามคืน โดยใช้ผ้าพันทับเอาไว้เพื่อป้องกันเลอะเทอะที่นอน ในตอนเช้าคุณจะพบว่าผิวดูเนียนและชุ่มชื้นขึ้นมาก หากทำเป็นประจำติดต่อกัน รับรองได้ว่าปัญหาผิวแห้งลอกจะไม่มาเยือนคุณอีกเลย

       อัลมอนด์ เพื่อผิวสวย

          ถั่วอัลมอนด์ เป็นแหล่งของสารแอนตี้ออกซิแดนท์ชั้นเยี่ยม อันจะทำให้ผิวคุณชุ่มชื้นและสุขภาพดี อย่าลืมกินถั่วอัลมอนด์วันละหนึ่งกำมือเล็ก ๆ เป็นประจำ นอกจากจะช่วยเรื่องผิวพรรณแล้ว สุขภาพโดยรวมของคุณก็ยังดีขึ้นด้วยค่ะ

       โจโจบา ออยล์ สำหรับผิวแห้ง

          น้ำมันจากเมล็ดโจโจบา เป็นที่รู้จักกันดีว่ามีคุณสมบัติในการรักษาอาการบาดเจ็บของบาดแผล ส่วนคุณสมบัติที่ใช้ในการดูแลผิวนั้นจะช่วยบรรเทาอาการแห้งและลอก จึงใช้ได้ผลดีในผู้ที่มีผิวแห้ง คัน และลอก โดยใช้โจโจบาออยล์เพียงเล็กน้อยทาที่ผิวเท่านั้นเอง

       นมเปรี้ยว ใช้ล้างหน้า

          นมเปรี้ยวรสธรรมชาติสามารถนำมาใช้ล้างหน้าได้ เพื่อชำระล้างสารตกค้างจากสารเคมีในเครื่องสำอาง รวมทั้งกรดแลคติกที่มีอยู่ในนมเปรี้ยว ยังช่วยผลัดผิวคุณอย่างอ่อนโยนด้วย

       อโวคาโด บำรุงพิเศษสำหรับผิวแห้งมาก

          สาวคนใดที่มีผิวแห้งมาก ๆ อย่าลืมนึกถึงอโวคาโด แค่ใช้อโวคาโดสุกกำลังดี บดให้ละเอียด แล้วใช้นวดผิวหลังอาบน้ำ จากนั้นใช้ผ้าเช็ดเอาเศษที่เหลือออกไป คราวนี้ก็จะได้ผิวนุ่ม ๆ น่าหยิกแล้ว

        น้ำมะนาว เครื่องดื่มดีท็อกซ์เพื่อผิวสวย

          หยดน้ำมะนาว หรือ ฝานมะนาวบาง ๆ ลงไปในน้ำอุ่นจัด 1 แก้ว ดื่มแบบนี้ให้ได้สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง น้ำมะนาวจะช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย รวมทั้งล้างพิษสะสมที่ไตและตับของคุณ ส่งผลให้ผิวพรรณดูสดใสขึ้นด้วย


          สนใจสูตรไหนนำไปลองดูกันได้นะคะ ได้วัตถุดิบมาบำรุงผิวกายจากธรรมชาติแบบนี้ ก็มั่นใจได้ว่าปลอดภัยและดีต่อผิวจริง ๆ แน่นอนค่ะ

วันอังคารที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2557

7 สูตรรักษารอยแผลเป็นจากสิว

หนึ่งในปัญหาที่พบได้บ่อยของหนุ่มๆ วัยใส ที่มักจะมาคอยขัดขวางความหล่อของหนุ่มๆ นั่นก็คือ “รอยแผลเป็นที่เกิดจากสิว” ใช่มั้ยล่ะครับ พอมีสิวขึ้นมาบนใบหน้าหน่อย หนุ่มๆ ก็มักจะทำการ “กำจัดจุดสิว” โดยการบีบ หรือวิธีต่างๆ นาๆ แล้วแต่สไตล์ของแต่ละคน จนกว่าสิวตัวปัญหาจะหายไป แต่ว่าเจ้าสิวพวกนั้น ก็มักจะทิ้งร่องรอยแผลเป็นเอาไว้ให้หนุ่มๆ เป็นของที่ระลึกอยู่เสมอ

การที่จะลบรอยแผลเป็นจากสิวพวกนั้นก็ทำได้ยากซะเหลือเกิน จนหนุ่มๆ บางคนต้องถอดใจ ยอมเก็บรอยแผลเป็นพวกนี้เอาไว้เป็นสิ่งเตือนใจ แต่ว่าหนุ่มๆ อย่าพึ่งถอดใจไป วันนี้ “พี่กิต” มีเคล็ดลับการรักษารอยแผลเป็นจากสิวถึง สูตรมาให้หนุ่มๆ ได้นำไปใช้กัน!!
   1.น้ำมะนาว
บีบน้ำมะนาวประมาณ 1-2 หยด แต้มไปที่บริเวณสิวด้วยคอตตอนบัดนะครับ จากนั้นก็ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาทีแล้วล้างออก เพราะมะนาวจะช่วยทำให้เซลล์ผิวที่ตายไปแล้ว หลุดลอกออกมาจากบริเวณจุดด่างดำ บนใบหน้าหนุ่มๆ ได้ แต่ถ้าผิวของหนุ่มๆ คนไหนที่ไม่แพ้ง่ายล่ะก๊ สามารถแต้มสิวทิ้งไว้ทั้งคืนเลยก็ได้นะครับ

2.มะเขือเทศ
ฝานมะเขือเทศให้เป็นชิ้นบางๆ แล้วหนุ่มๆ ก็นำมาวางบนบริเวณแผลเป็นนะครับ วิตามินซีที่ได้จากมะเขือเทศนี้ จะไปช่วยทำการสมานรอยแผลเป็นได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

3.แอปเปิ้ล
ล้างหน้าให้สะอาด แล้วซับให้แห้ง หลังจากนั้นก็นำเนื้อแอปเปิ้ลครึ่งผล ผสมกับน้ำผึ้งแท้ 1ช้อนโต๊ะ แล้วบดรวมกันให้ละเอียดจนเป็นเนื้อเดียวกัน ทาให้ทั่วใบหน้า หรือจะเน้นบริเวณแผลเป็นอย่างเดียวก็ได้นะครับ และก็ทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที แล้วล้างออก
4.น้ำผึ้ง
นำน้ำผึ้งมาทาให้ทั่วใบหน้าของหนุ่มๆ แล้วทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที น้ำผึ้งนั้นจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว และทำให้ผิวของหนุ่มๆ นั้นดูนวลเนียนขึ้น ทำให้รอยแผลเป็นค่อยๆ จางลงไป

5.น้ำมันลาเวนเดอร์
ใช้น้ำมันลาเวนเดอร์ แต้มบนแผลเป็นจากสิววันละ ครั้ง โดยต้องทาทุกวันนะครับ เพราะจะยิ่งช่วยทำให้แผลเป็นจากสิวของหนุ่มๆ นั้นจางลงได้เร็วขึ้น

6.สูตรพอกหน้าทุกชนิด
ไม่ว่าจะเป็นสูตรสุดฮิตอย่าง น้ำมะนาว+น้ำผึ้ง, น้ำนม+โยเกิร์ต หรือสูตรจากผลไม้ต่างๆ ก็แล้วแต่ ขอให้หนุ่มๆ พอกหน้าเป็นประจำทุกวัน คุณค่าที่ได้จากธรรมชาติเหล่านี้ ก็จะช่วยลดปัญหาเรื่องผิวของหนุ่มๆ ได้ทุกชนิดเลยล่ะครับ

7.ดื่มน้ำสะอาด
การดื่มน้ำเยอะๆ นั้นก็สามารถช่วยทำให้แผลเป็นจากสิวหายได้ด้วยนะครับ เพราะน้ำเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของร่างกาย ถ้าหากว่าร่างกายของหนุ่มๆ ได้รับน้ำในปริมาณที่พอเหมาะล่ะก็ น้ำก็จะสามารถเข้าไปทำการเติมเต็ม และซ่อมแซมร่องรอยแผลเป็นต่างๆ ได้เป็นอย่างดีเลยล่ะครับ

          การป้องกันรอยแผลเป็นจากสิวที่ดีที่สุดก็คือ หนุ่มๆ ไม่ควรบีบสิว หรือสัมผัสสิวบ่อยๆ นะครับ เพราะจะทำให้สิวเกิดอักเสบได้ ดังนั้นหนุ่มๆ ควรล้างมือบ่อยๆ แล้วก็ดูแลใบหน้าให้สะอาดอยู่เสมอด้วยนะครับ
ข้อมูลอ้างอิง : n3k.in.th

วันจันทร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2557

มาดีท็อกซ์ (Detox) ผิวหน้าด้วยไข่ขาวกันเถอะ

ลองมองกระจกแล้วถามตัวเองว่า ผิวหน้า ของคุณ ทนได้อยู่หรือเปล่า กับมลภาวะ ฝุ่น ควัน และสารเคมีต่างๆที่ได้รับอย่างไม่ได้ตั้งใจ หรือการประทินโฉมจากเครื่องสำอาง ถ้าคำตอบที่ได้ คือ ผิวหมองคล้ำ เกิดผดผื่น จุดดางดำ และเป็นสิว ใบหน้าดูไม่สะอาดเหมือนอย่างที่เคย ไม่ว่าจะล้างหน้ากี่ครั้งก็ไม่สดใส เป็นสัญญาณเตือนว่าผิวหน้าของคุณรับไม่ไหวแล้ว ไม่ว่าจะใช้ครีมบำรุงมากแค่ไหนก็ไม่สามารถรับได้อย่างเต็มที่

 

 

ไข่ขาว ดีท็อกซ์ Detox ผิวหน้า

ดีท๊อกหน้าง่ายๆ

" การพักหน้าและการดีท๊อกซ์สารพิษออกจากผิว ก่อนเปลี่ยนครีมบำรุง"..(ควรอ่าน!! ค่ะ)

เวลาจั๊กเปลี่ยนครีมบำรุงผิว ช่วงแรกๆ สิ่งที่เคยเจอคือ มีผดผื่นขึ้นบ้าง 2-3วัน บางคนก็เป็นอาทิตย์ บางคนก็สิวขึ้น บางคนก็หน้าหมองคล้ำลง ถามว่าทำไมถึงคล้ำล่ะค่ะคุณจั๊ก เพราะก่อนหน้านี้เราผ่านการใช้ครีมมาเยอะมาก ไม่รู้ว่ามีสารสะสมตัวไหนอยู่บนผิวหน้าบ้าง พอมาเปลี่ยนครีมบำรุงเป็นตัวที่สกัดจากธรรมชาติส่วนใหญ่ ผิวมักจะมีเอฟเฟ็กดึงบางอย่างที่ตกค้างออกมาในตอนแรกๆ แต่พอเราใช้ไปสักพัก หน้าเราจะใสเป็นธรรมชาติเอง เหมือนพี่สาวคนหนึ่งจากอุบลราชธานี เค้าบอกว่าสงสัยจะใช้ครีมสาหร่ายหน้าเด้งจั๊กไม่เหมาะ หน้าคล้ำลงอย่างเห็นได้ชัด จั๊กก็จะคืนเงินให้ค่ะ แต่พี่เค้าบอกว่าไม่เอา จะขอใช้ต่อเพราะผิวก็ไม่ได้แพ้อะไร เมื่อเช้าพี่เค้าโทรมาบอกว่า จะสั่งครีมอีก ทั้งเซรั่มหน้าเด็กและครีมหน้าเด้ง เพราะใช้ไปสักพักรู้สึกว่าหน้าดีขึ้นจริงๆ นี่ละคะ สาวๆที่ต้องการขาวใสในข้ามคืน จั๊กทำให้ไม่ได้จริงๆค่ะ 7 วันขาวใสก็ทำให้ไม่ได้ ที่ร้านอื่นๆมีขายกันเยอะมาก ทาแล้วเช้าตื่นมาหน้าใสมาก แบบนั้นจั๊กคงไม่ขายค่ะ เพราะรู้ดีว่าผลที่จะตามคืออะไร แต่จั๊กทำให้ผิวสาวๆดีและใสเป็นธรรมชาติตลอดชีพได้แน่ๆค่ะ อยู่ที่คุณจะตัดสินใจเองค่ะ 
จั๊กขอแนะนำว่า ก่อนจะเปลี่ยนครีมบำรุงต้องหยุดใช้ "เครื่องสำอางค์ทุกชนิด" เป็นเวลาอย่างน้อย 7-10 วัน ขึ้นไปค่ะ ถ้ามากไป 4-5 วันก็ยังดี เพื่อให้ผิวหน้าได้พักจากการใช้เครื่องสำอางค์ และเป็นการดีท๊อกซ์ผิวหน้า ปรับสมดุลของผิวให้รับการบำรุงจากครีมใหม่ได้ดียิ่งขึ้น 

2. วิธีการดีท๊อกซ์ผิวหน้า ในระหว่างที่พักหน้า หรือ ผิวหน้ามีการแพ้เครื่องสำอาง“ทำติดต่อกันอย่างน้อย 10 วันขึ้นไป หรือจนกว่าผิวจะดีท๊อกซ์สารพิษออกมาหมด( ลักษณะสารตกค้างที่ขับออกมา เช่น สิวอุดตัน สิวอักเสบ ผดผื่นคัน บริเวณโหนกแก้ม แนวสันกราม 2 ข้าง รอบปาก คาง และ ผิวหน้าหมองคล้ำ หยาบกร้าน )” 

เช้า -- ล้างหน้าด้วยสบู่เด็ก , ละลายผงวิเศษตราร่มชูชีพกับน้ำเล็กน้อยทาทั่วไปหน้า 

เย็น – ล้างหน้าด้วยสบู่เด็ก , พอกหน้าด้วยไข่ขาว (ไข่ไก่) ทิ้งไว้ให้แห้ง แล้วล้างออกพอกไข่ขาวซ้ำอีกครั้ง ทิ้งไว้ให้แห้งล้างออกด้วยสบู่เด็ก ในการ ล้างน้ำสุดท้าย ให้ใช้น้ำอุ่น + น้ำมะนาว 1-2 หยด(อย่าใส่มากผิวอาจระคายเคือง) ล้างซ้ำด้วยน้ำเย็นเพื่อปิดรูขุมขน ละลายผงวิเศษตราร่มชูชีพกับน้ำเล็กน้อยทาทั่วไปหน้า (พอกให้หนาๆได้) ทิ้งไว้จนเช้า) 

*** หากไม่พักหน้าและดิท๊อกซ์ผิว มีโอกาสที่สารประกอบครีมเก่า และครีมใหม่จะชนกันทำให้การการแพ้ ผดผื่น ***

*** ผู้ที่เป็นสิวฝ้า*** เนื่องจากโฮโมน แนะนำ ให้รับประทาน ยาสตรี หรือยาบำรุงมดลูด ระบบเลือดและฮอร์โมนบ้างค่ะ ไม่ต้องเห่อกระแสอาหารเสริมชงดื่มราคาแพงกินแล้วผิวสวยนะคะ จั๊กลองมาหมดแล้ว อย่างมองข้ามสมุนไพรไทยเชียวค่ะ ถุกและดีอย่าบอกใคร ทั้งนี้เพื่อช่วยปรับสภาพภายในร่างกายให้คงความสมดุล เพื่อผิวที่เปล่งปลั่งสดใสจาดภายใน 

3. ระวังการ!.. ใช้เครื่องสำอางค์อื่นใด ปนกับครีมใหม่ๆ " เหตุผลเนื่องจาก ครีมสมุนไพรบางตัว หากใช้ร่วมกับครีมที่มีไขมันสัตว์ หรือสารประกอบจากเคมี อาจทำให้เกิดการระคายเคือง ผดผื่น หรือผิวอักเสบขึ้นได้ 

4. กรณี ใช้ครีมชุดใหม่แล้วมีอาการแสบแดง หรือผดผื่น สิวอักเสบให้หยุดใช้ทันทีเนื่องจาก...อาจแพ้สมุนไพรบางชนิดที่เป็นส่วนประกอบในครีมสมุนไพรชุดนี้ โดยปกติแล้ว ตราการแพ้จะมีอยู่ 2% คือ ทกๆ 100 คนจะมีคนแพ้ครีมนี้ 2 คน (เปอร์เซนต์นี้ได้มาจากกลุ่มผู้ใช้ผลิตภัณฑ์จริง โดยผุ้แพ้ครีมนี้ คือ ผิวที่มีผิวหน้าบอบบางมากๆ หรือผู้ที่ผ่านการใช้เครื่องสำอางค์เคมีอันตรายมาเป็นเวลานาน จนทำให้ผิวหน้าเสื่อมสภาพต้องได้รับการบำรุงผิวแบบเร่งด่วน และล้ำลึก ก่อนเริ่มใช้ครีมปรับสภาพชุดนี้อย่างน้อย 2-3 สัปดาห์ 

5. ทุกเช้า ควรใช้ครีมกันแดด เพื่อปกป้องผิวหลังจากครีมปรับสภาพผิวในเวลากลางคืน 

ไม่ง่ายเลยค่ะกว่าจะสวยใส แต่มันก็ไม่มีอะไรยากเกินความสามารถของผู้หญิงเราหรอกค่ะ จริงมั๊ยค่ะ สาวๆ Aura Queen

วันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2557

7 สูตรลดหน้ามัน

1. ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง

การล้างหน้ามีผลต่อความมันบนใบหน้าอย่างมาก เพราะการที่เราล้างหน้าบ่อยๆจำทำให้หน้าของเราแห้งตึงกว่าปกติ ผิวหน้าก็จะเร่งสร้างน้ำมันเพิ่มมากขึ้นเพื่อรักษาความสมดุลของผิวหน้า กลับกลายเป็นว่ายิ่งทำให้หน้ามันเข้าไปอีก การล้างหน้าแค่วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้หน้าสะอาด หากหน้ามันระหว่างวันก็ใช้กระดาษซับมันซับออกแทนจะดีกว่า


มะเขือเทศ ลดหน้ามัน


2. มาร์คหน้าด้วยมะเขือเทศ


ในมะเขือเทศมีวิตามินที่ช่วยบำรุงผิวอยู่หลายตัว และช่วยดูดซับความมัน กระชับรูขุมขนได้ดีอีกด้วย วิธีมาร์คหน้าก็ง่ายๆแค่นำมะเขือเทศไปล้างน้ำให้สะอาด แล้วนำไปปั่นให้ละเอียด จากนั้นก็นำมาทาให้ทั่วหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก ทำสัปดาห์ละ 3 ครั้ง จะช่วยลดความมันบนหน้าได้เป็นอย่างดี


พอกโคลนลดหน้ามัน


3. พอกหน้าด้วยโคลน

ไม่ใช่ให้ไปเอาโคลนที่ไหนมาพอกหน้าก็ได้นะครับ ก็เอาพวกมาร์คหน้าที่เป็นมาร์คแบบโคลน (clay-base mask) มามาร์คหน้าเท่านั้นเอง โดยที่พวกมาร์คแบบโคลนจะมีจุดเด่นในเรื่องช่วยดูดซับความมัน และทำความสะอาดรูขุมขนได้ดี แต่อย่าทำบ่อยมากนักเพราะจะทำให้ผิวแห้งมากเกินไป ทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งก็ช่วยลดความมันได้อย่างเหลือเฟือแล้ว


ดินสอพอง ลดหน้ามัน


4. พอกหน้าด้วยดินสอพอง


ดินสอพองมีสรรพคุณช่วยดูดซับความมันได้ดี แค่นำไปผสมกับมะนาวและน้ำผึ้ง จากนั้นก็นำไปพอกหน้าไว้ ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาทีแล้วล้างออก จะรู้สึกว่าหน้าเนียน นุ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด


ว่างหางจระเข้ ลดหน้ามัน


5. พอกหน้าด้วยวุ้นว่าหางจระเข้


ว่านหางจระเข้นอกจากจะช่วยลดอาการอักเสบของสิวได้แล้ว ยังช่วยลดความมันบนหน้าได้ด้วย วิธีการก็นำว่านหางจระเข้มาปลอกเปลือกออกให้เหลือแต่ตัววุ้น จากนั้นนำไปล้างน้ำให้สะอาด ย้ำเลยนะครับว่าต้องล้างให้สะอาดจริงๆ ไม่งั้นอาจโดนยางกัดหน้าได้ เมื่อได้ตัววุ้นก็นำมาสไลด์ให้เป็นแผ่นบางๆหลายๆแผ่นและจัดการนำมาแปะไว้ที่หน้า จะรู้สึกว่าหน้าเย็นๆ ช่วยให้ผิวไม่มัน และทำให้หน้าชุ่มชื้นขึ้นอีกด้วย

Resorcinol ลดหน้ามัน


6. ทายารักษาสิว


ลองหายารักษาสิวที่มีส่วนประกอยของ Resorcinol ซึ่งนอกจากจะช่วยลดการเกิดสิวได้แล้ว ยังมีส่วนช่วยลดความมันบนหน้าได้ดีอีกด้วย หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปครับ


ดื่มน้ำลดหน้ามัน



7. ดื่มน้ำสะอาดมากๆ


การดื่มน้ำสะอาดเป็นการลดความมันบนใบหน้าที่ประหยัดที่สุด และได้ผลดีมากๆอีกวิธีหนึ่ง เพียงแค่จิบน้ำในระหว่างวันบ่อยๆ ค่อยๆจิบทีละน้อย ไม่ควรดื่มมากๆในครั้งเดียว จะไม่มีประโยชน์ เพราะร่างกายจะรับได้เพียงเล็กน้อย ที่เหลือก็จะถูกขับออกทางปัสสาวะไปหมด แต่การค่อยๆจิบจะช่วยให้ร่างกายนำน้ำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า คือการดื่มน้ำเยอะจะช่วยให้ร่างกายได้ทำความสะอาดจากภายใน และขับของเสียออกมาได้สะดวกขึ้น ทำให้หารขับของเสียออกทางผิวหนัง ก็คือขับของเสียออกมาในรูปของไขมันน้อยลง การขับถ่ายดีขึ้น สิวก็ลดลงโดยอัตโนมัติ


     เป็นยังไงกันบ้างครับสำหรับ 7 วิธีช่วยลดความมันบนใบหน้า หวังว่าคงจะชอบกันนะครับ ลองเลือกเอาวิธีที่สะดวกที่สุดไปใช้ก็ได้หรือจะทำทั้ง 7 วิธีก็ไม่ผิดกฎหมายใด ความมันบนหน้าเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เป็นกันทั้งนั้น เพราะหน้ามันแล้วทำให้เป็นสิวได้ง่าย ผมยังเบื่อเลยครับแบบว่าเป็นคนหน้ามันมากๆ แต่ถ้าได้ลองสูตรที่ให้ไปรับรองว่า"มันหายไปแน่นอน"

วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2557

วิธีทำให้ผิวขาวใสด้วยแตงโม

 
วิธีทำก็คือ เฉือนเนื้อแตงโม โดยคัดเฉพาะที่เป็นเนื้อในสุด ให้เป็นชิ้นบาง ๆ พอประมาณ อย่านำเนื้อแตงโมที่อยู่ใกล้ชิดกับเปลือก เนื่องจากเนื้อส่วนนี้จะมีความเข้มข้นของกรดอยู่พอประมาณ และมีความแข็งไม่เหมาะที่จะนำมาใช้ เมื่อได้ชิ้นแตงโมที่ฝานบางๆ แล้ว นำมาวางไว้บนผ้าขาวบางที่เตรียมไว้ จากนั้นนำมาวางปิดลงบนใบหน้าให้ทั่ว (แบบให้ชิ้นแตงโมติดกับผิวหน้า) หากไม่ต้องการใช้ผ้าขาวบาง ก็ไม่ว่ากัน สามารถนำชิ้นแตงโมมาวางบนผิวหน้าได้เลย ระวังน้ำที่มีจากผลไม้ จะเยิ้มทั่วหน้าด้วย ทิ้งไว้ประมาณ 10 – 15 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด ระวังมดขึ้นหน้าด้วยนะจ๊ะ 


สิ่งที่ได้จากการบำรุงผิวหน้าด้วยแตงโมนั้น นอกจากชิ้นแตงโมจะมีความเย็นในตัวเองอยู่แล้ว ช่วยผ่อนคลายผิวด้านนอกให้สดชื่น สารสีแดงจากแตงโม ที่เรียกว่า lycopene ที่มีแอนตี้ออกซิเดนท์ นอกจากช่วยในการบำรุงหัวใจ รวมถึงมะเร็งแล้ว ยังสามารถดูดซับความมันบนใบหน้าได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ ยังอุดมไปด้วยโพแทสเซียม ที่จะช่วยควบคุมระบบการไหลเวียนของโลหิตในบริเวณผิวหน้าให้เป็นปกติ ช่วยให้รูขุมขนมีความยืดหยุ่น ชุ่มชื่น อีกทั้งในน้ำแตงโม มีโมเลกุลของน้ำตาลอยู่พอประมาณ รวมทั้งกรดอะมิโนอีกเล็กน้อย ช่วยในการบำรุงผิวได้เป็นอย่างดี สาวๆ ลองนำไปปฏิบัติตามกันได้ เพื่อผิวหน้าที่สดใสและชุ่มชื่น 


ที่มา http://www.beautyfullallday.com/?subject=53

วันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557

สูตรหน้าใสด้วยแอปเปิล

ส่วนผสม: แอปเปิ้ล ปอกเปลือกแล้วคว้านเอาเฉพาะเนื้อ 

น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ 

วิธีทำ: นำเนื้อแอปเปิ้ลมาปั่นรวมกับน้ำผึ้ง ทาให้ทั่วใบหน้าแล้วนวดเบาๆ ทิ้งไว้ 15 นาที หลังจากนั้นล้างออกด้วยน้ำเย็น 

* สูตรนี้จะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกไป เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า ทำให้ใบหน้าดูสดใสเปล่งปลั่ง อีกด้วย 

ที่มา http://lady.one.in.th

วันพุธที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2557

กล้วยน้ำว้าครีมพอกหน้า

สรรพคุณ:บำรุงผิวให้เนียนขาวลดริ้วรอยความเหนื่อยล้า 
ส่วนผสม กล้วยสุก 2 ผล/น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ/ น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ/น้ำสะอาดเย็นจัด 1 ขัน 
วิธีผสม ปอกเปลือกกล้วยออกหั่นเป็นชิ้นเล็กๆนำลงเครื่องปั่นบดให้ละเอียด นำน้ำมะนาวและน้ำผึ้งเทลงไปปั่นผสมกันให้เป็นเนื้อเดียวสังเกตุถ้าเนื้อครีม เริ่มฟูก้อใช้ได้ 
วิธีพอกหน้า ล้าง หน้าด้วยน้ำสะอาดซับหน้าให้แห้งทาครีมกล้วยน้ำว้าที่ทำไว้ทาให้ทั่วใบหน้ายก เว้น ดวงตาและขอบจมูก พอกทิ้งไว้ประมาน 20-30 นาทีล้างออกด้วยน้ำเย็นจัด 
ควรพอกตรีมกล้วยอาทิตละครั้ง ใบหน้าจะนุ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด 
ที่มา http://tay2014.allblogthai.com/23

วันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2557

วิธีทำให้ผิวขาวที่ไม่อันตรายและใช้ได้กับทุกคน

หากผิวพรรณของคุณดูดำคล้ำ ทั้งสาเหตุที่มาจาก การออกแดด โดยปราศจากการปกป้องด้วย

ครีมกันแดด หรือ การเป็นคนมีเม็ดสีเมลานินมากกว่าคนปกติ จึงกลายเป็นคนผิวไม่ขาวเท่าที่ต้องการ

แล้วต้องการให้ผิวพรรณมีความขาว กระจ่างใสขึ้นมาได้จริง คนดูดีขอชี้ทาง ดังนี้ เพื่อความกระจ่างใสของผิวพรรณ


วิธีการทำให้ผิวขาวขึ้นมาได้ มีทั้งวิธีธรรมชาติ และไม่ธรรมชาติเข้าช่วย และมีทั้งรวดเร็ว และใช้ระยะ

เวลาประมาณหนึ่ง


แต่วิธีทำให้ผิวขาว แบบฉบับคนดูดี มีดังต่อไปนี้

หากมีผิวคล้ำจากปัญหาแสงแดด วิธีง่ายๆ คือ เวลาออกแดด ให้ทาครีมกันแดด ค่า spf เกินกว่า 15 ขึ้นไปเพื่อป้องกันแสงแดด โดยควรเป็นครีมกันแดดที่ช่วยป้องกันได้ทั้ง แสงยูวีเอ และยูวีบี จะดีมาก และเมื่อออกแดดแล้ว ควรทาซ้ำอีกครั้ง เพื่อการออกฤทธิ์ที่ดี นอกจากนั้น ให้พกร่ม เมื่อออกแดด จนเป็นนิสัย เพราะ ร่ม จะสามารถกรองแสงแดด ได้ชั้นหนึ่ง ไม่ให้แสงแดด ทำลายผิวของเรา


แต่สำหรับผิวคล้ำจากสาเหตุอื่น การใช้ครีมเข้าช่วย จะช่วยได้มาก โดยครีมที่ทานั้น นอกจากมีครีม

กันแดดแล้ว ไวเทนนิ่ง ก็ช่วยในเรื่องของความขาวใส จะค่อยๆปรับสภาพให้ผิวกระจ่างใส จนขาวได้เอง

ในที่สุด หรือหากต้องการเพิ่มเติม นอกจากการทา การกินยา ฉีดยา ก็สามารถช่วยได้ โดยการเข้าไปช่วย

ในเรื่องการจัดการเมลานินในผิวพรรณ ให้มีปริมาณที่เหมาะสม ค่อนไปในทางที่จะทำให้ผิวขาว ลดการ

ทำงานของเม็ดสีได้ โดยไม่เป็นอันตราย ก็เป็นวิธีที่ช่วยให้ผิวขาว อย่างรวดเร็ว

ฉะนั้นแล้ว คนดูดี ขอสรุปง่ายๆ ดังนี้ วิธีการทำให้ขาว หากอยากมีผิวขาวใส ให้ปฏิบัติแค่เพียง

หลีกเลี่ยงแสงแดด ใช้ครีมบำรุงมีส่วนผสม ไวเทนนิ่ง และเสริมเข้าไปด้วยการกินยา หรือฉีดยา

ช่วยลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน เพียงเท่านี้ เราก็มีผิวพรรณที่กระจ่างใส และขาวได้อย่างง่ายดาย

มะเขือเทศช่วยลดจุดด่างดำ

มะเขือเทศ (Lycopersicon esculentum Mill.)

ใน มะเขือเทศ จะมีสาร Curotenoid และมีวิตามินหลายชนิด น้ำจากผลมะเขือเทศสุก จะมีสาร licopersioin ซึ่งมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อรา และแบคทีเรีย และน้ำมะเขือเทศสดนำมาพอกหน้าจะรักษาสิวสมานผิวหน้าให้เต่งตึง หรืออาจจะฝานบางๆ แปะลงบนผิวหน้าก็ได้

สรรพคุณ สมานผิว ลดรอยเหี่ยวย่น จุดด่างดำ

ส่วนผสม มะเขือเทศ 1 ผล

รำข้าวหรือข้าวโอ๊ต 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ นำมะเขือเทศไปปั่นหรือบดให้ละเอียด กรองเอาแต่น้ำผสมรำข้าวหรือข้าวโอ๊ตคนให้เข้ากัน

วิธีใช้ ล้างหน้าให้สะอาด เช็ดหน้าให้แห้งพอกครีมมะเขือเทศทิ้งไว้นานเท่าที่มีเวลาแล้วล้างออกด้วยน้ำ สะอาด ในมะเขือเทศมีวิตามินเอมาก ซึ่งเป็น วิตามินที่ละลายได้ดีในน้ำมัน การใช้รำข้าวหรือข้าวโอ๊ตเป็นส่วนผสม เพื่อให้น้ำมันในรำข้าวหรือข้าวโอ๊ตเป็นตัวพาวิตามินเอเข้าสู่เซลผิวหน้าได้ ดีกว่า การฝานมะเขือเทศมาแปะหน้าเพียงอย่างเดียว สูตรนี้ใช้ได้ทั้งคนผิวแห้งและผิวมัน

ที่มา http://tay2014.allblogthai.com/23

วันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2557

สูตรครีมทำความสะอาดผิวหน้า (Cleanser)

ส่วนผสม: โยเกิร์ต ½ ถ้วย 
น้ำมันดอกทานตะวัน 
มะนาวสด1½ ช้อนโต๊ะ 
วิธีทำ: ผสมโยเกิร์ต น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมะนาวสดให้เข้ากัน นำมาพอกให้ทั่วหน้าประมาณ 5 นาที ทุกเช้าและก่อนนอน แล้วจึงล้างออก ด้วยน้ำสะอาด 
* สูตรนี้ใช้ได้กับทุกสภาพผิว จะช่วยทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างล้ำลึก และบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นอีกด้วย 

ที่มา http://lady.one.in.th

สูตรพอกหน้าใสจากแตงกวา

ส่วนผสม: แตงกวา 1 ผล หั่นแตงกวาเป็น ชิ้นบางๆ

ไข่ไก่ 1 ฟอง(ใช้เฉพาะไข่ขาว) 

น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ 

วิธีทำ: นำแตงกวา ไข่ไก่(ใช้เฉพาะไข่ขาว)และมะนาว ไปปั่นจนละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน นำมาพอกให้ทั่วใบหน้า เว้นรอบปากและดวงตา ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วจึงล้างหน้าตามปกติ หมั่นทำบ่อยๆ ทุกสัปดาห์ จะช่วยลดความมันส่วนเกิน และยังช่วยกระชับรูขุมขน ผิวหน้าจะ ดูเนียนเรียบและชุ่มชื้น 

* เหมาะสำหรับผิวมันและผิวผสม 

Tips: 

* ผลไม้ที่ใช้ต้องสด มีคุณภาพดี 
* ภาชนะที่ใช้ใส่ผลไม้ ส่วนผสมต่างๆ ควรใช้แก้วหรือกระเบื้อง 
* ก่อนทำการพอกหน้า ควรทำความสะอาดใบหน้าให้สะอาด โดยการอัง ใบหน้ากับไอน้ำและนวดเบาๆ เพื่อเปิดรูขุมขน 
* เวลาพอกหน้าไม่ควรพูดคุยหรืออ่านหนังสือ 

ที่มา http://lady.one.in.th

วันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ผิวขาวใสด้วยว่านหางจระเข้

ว่านหางจระเข้ (Aloe indica Royle)
คุณค่าของว่านหางจระเข้มีมากมาย นอกจากใช้รักษาโรคแล้ว ยังใช้บำรุงผิว บำรุงเส้นผมได้ด้วย ปัจจุบัน จะเห็นได้ว่า มีแชมพูสระผม และเครื่องสำอางหลายอย่าง ที่ใช้ว่านหางจระเข้เป็นส่วนประกอบ และกำลังเป็นที่นิยมของคนทั่วไป เนื่องจากว่านหางจระเข้ มีคุณสมบัติสามารถช่วยให้กระบวนการเมตะโบลิซึม ทำงานได้เป็นปกติ ลดการติดเชื้อ สลายพิษของเชื้อโรค กระตุ้นการเกิดใหม่ ของเนื้อเยื่อส่วนที่ชำรุด ฉะนั้น ว่านหางจระเข้จึงถูกนำมาใช้ เพื่อบำรุงผิวพรรณ ผู้ที่ใช้ว่านหางจระเข้บำรุงผิวพรรณอยู่เป็นประจำ จะรู้สึกได้ชัดว่า ว่านหางจระเข้มีส่วนช่วย ให้ผิวพรรณผุดผ่อง สดชื่น มีน้ำมีนวล และยังสามารถขจัดสิว และลบรอยจุดด่างดำได้ด้วย

การใช้ว่านหางจระเข้ เพื่อบำรุงผิว โดยปอกเปลือกออก ใช้แต่เมือกวุ้นสีขาวใส ที่อยู่ภายใน ทั้งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการแพ้ ก่อนใช้ควรตรวจสอบว่า ตนเองจะเกิดอาการแพ้หรือไม่ โดยใช้น้ำที่ได้จากวุ้นสีขาว ของว่านหางจระเข้ ทาตรงบริเวณโคนหู แล้วทิ้งไว้สักครู่ ถ้าเกิดการระคายเคืองเป็นผื่นแดง แสดงว่าแพ้ ไม่เหมาะที่จะใช้กับผิวหน้าอีกต่อไป ถ้าไม่มีอาการแพ้ ก็สามารถใช้ได้ตลอด แต่บางคนก็จะเห็นผลได้เหมือนกัน เมื่อใช้ว่านหางจระเข้ทาบริเวณหัวสิว จะทำให้หัวสิวแห้งเร็ว

นอกจากนี้ ว่านหางจระเข้ยังสามารถลดความแห้งกร้าน และลดความมันของผิวหน้าได้ โดยคนที่มีผิวมัน ก็จะช่วยให้ลดความมัน คนที่มีผิวหน้าแห้ง ก็ยังรักษาความชุ่มชื่นของผิวไว้ได้

สรรพคุณ บำรุงผิว ป้องกันฝ้า ลบรอยจุดด่างดำ รักษาสิว

ส่วนผสม ว่านหางจระเข้

วิธีทำ เลือกใบจากต้นว่านหางจระเข้ที่มีอายุ 1 ปีขึ้นไป โดยเลือกใบล่างสุดซึ่งจะอวบโต มีวุ้นมาก นำมาแช่น้ำเพื่อล้างยางเหลืองๆ ออกให้หมด(ยาง เหลืองมีฤทธิ์ระคายเคืองผิว ทำให้แสบร้อน เป็นผื่นแดง) จากนั้นปอกเปลือกออก แล้วเอาวุ้นที่ได้ล้างน้ำให้สะอาดอีกทีหนึ่ง นำวุ้นไปปั่นหรือใช้มือขยำ ก็จะได้เจลว่าน หางจระเข้ การใช้ว่านหางจระเข้สดได้ผลดีกว่าผลิตภัณฑ์แปรรูป ซึ่งจะมีปัญหาการคงตัวเมื่อถูกความร้อน

วิธีใช้ ล้างหน้าให้สะอาด เช็ดหน้าให้แห้ง แล้วใช้เจลพอกทั่วใบหน้ายกเว้นรอบดวงตาและรอบปาก ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จึงล้างออก สูตรนี้เหมาะ สำหรับคนผิวมันสำหรับคนผิวแห้ง ไม่ควรใช้ว่านหางจระเข้เดี่ยว ๆ ควรเติมน้ำมันมะกอกกับไข่แดง ตีให้เข้ากัน แล้วจึงพอกหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด
หมายเหตุ ไม่ควรใช้ว่านหางจระเข้กับสิวหัวหนอง เพราะฟิล์มจากว่านจะทำให้สิวหายช้า

ที่มา http://tay2014.allblogthai.com/23

ขมิ้นชันบำรุงผิวหน้าใส

ขมิ้นชัน (Curcuma Longa Linn.)
ใน ขมิ้นจะมีสาร Curcumin และมีน้ำมันหอมระเหย ซึ่งมีกลิ่นเฉพาะ ขมิ้นมีฤทธิ์ยับยั้ง การเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อราหลายชนิด ใช้ทาผิวที่มีผดผื่นคัน ผงขมิ้นใช้ทาตัว เพื่อให้มีสีเหลืองทอง ใช้บำรุงผิวและช่วยฆ่าเชื้อ ที่ทำให้เกิดโรคผิวหนังบางชนิด ได้อีกด้วย

ส่วนผสม ขมิ้นสด (เล็กน้อย)

ดินสอพอง 2-3 เม็ด

มะนาว 1 ผล

วิธีทำ นำขมิ้นสดมาล้างน้ำให้สะอาดหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ปั่นรวมกับดินสอพองและมะนาวจนละเอียด รวมเป็นเนื้อเดียวกัน จะได้เนื้อครีมข้น และเหนียว นำมาพอกกับหน้าที่สะอาดก่อนเข้านอน โดยพอกทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด จะรู้สึกผิวหน้าสดชื่นและเต่งตึงขึ้นด้วย ทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง ภายในเวลาไม่ถึงเดือนจะสังเกตเห็นว่าผิวหน้าดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ก็จะเห็นความเปลี่ยนแปลงจนสามารถสังเกตได้

ที่มา http://tay2014.allblogthai.com/23

4 วิธีง่ายๆ ทำให้ผิวขาวใสจากธรรมชาติ

วันนี้มี 4 วิธีทําให้ผิวขาว ใสง่ายๆ จากธรรมชาติ เพื่อดูแลผิวพรรณของคุณให้ขาวใสวิ๊งๆ กันมาเริ่มกันเลย
1. ผสมไข่ขาว 3 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ และน้ำมันมะกอกเล็กน้อย ผสมให้เข้ากัน และทาทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที หลังจากนั้นล้างออกด้วยนม (อุณหภูมิห้อง) คุณจะเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงหรือจะทำซ้ำจนกว่าคุณจะพอใจ
2. ผสมแป้งกับนมในให้เป็นเนื้อเดียวกัน และทาลงบนใบหน้าของคุณ ทิ้งไว้ 15-20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น ซึ่งแร่ธาตุในนมนั้นจะช่วยทำให้ผิวหน้าของเราชุ่มชื้น
3. รับประมานอาหารที่มีวิตามินซีสูง ซึ่งจะช่วยให้ลดการผลิตเมลานิน เช่น ส้ม ฝรั่ง เชอร์รี่ เป็นต้น
4. ขัดตัวอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป และควรบำรุงด้วยมอยเจอร์ไรท์เซอร์เพื่อผิวที่ชุ่มชื่น


Tips & Tricks
1. ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดในช่วงเวลา 10.00-16.00 น. เพราะช่วงเวลาดังกล่าวแสงแดดจากดวงอาทิตย์จะมีปริมาณแสง UV ที่สามารถทำร้ายผิวเราได้อย่างมาก ถ้าเลี่ยงไมไ่ด้ควรทา ครีมกันแดด เพื่อป้องกันผิวของเราจากแสงแดดเพื่อผิวที่ดูขาวใสกระจ่างอย่างต่อเนื่อง
2. ควรทา ครีมกันแดด เสมอ แม้ว่าจะไม่ได้ออกไปเจอแสงอาทิตย์ แต่คุณทราบหรือไม่ว่าแสงจากหลอดไฟภายในบ้านหรือที่ทำงานก็เป็นตัวการทำให้ผิวของเราคล้ำได้
3. ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากสาร Hudroquine หรือสารปรอท เพราะส่วนผสมเหล่านี้ อาจทำให้เกิดรอยแผลหรือเกิดมะเร็งได้หากสะสมในร่างกายมาก
4. ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเร่งให้ผิวขาว ซึ่งมันสามารถทำลายผิวของคุณและอาจเกิดรอยแผลไหม้ได้
5. ห้ามรับประทานวิตามินซีมากเกินไป เพราะจะมีผลต่อสุขภาพของร่างกายได้เช่น อาจทำให้เกิดนิ่วในไตได้

วันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2557

สุดยอดการรักษาหลุมสิว ราคาถูกและได้ผลเร็ว

สิว.. เป็นปัญหาที่กว่าจะรักษาหาย ก็ต้องเสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา แถมเมื่อมันจากไปก็ยังคงไม่วายทิ้งปัญหาร่องรอยด่างดำ และหลุมสิวชวนน่ารำคาญเอาไว้ให้ดูต่างหน้าอีกต่างหาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลุมสิวบนใบหน้า ซึ่งเป็นสิ่งที่รักษายาก แถมอยู่นานเสียยิ่งกว่าตัวสิวเอง


หลุมสิวคืออะไร?


หลุมสิว คือ การอักเสบของสิวอย่างรุนแรงถึงชั้นหนังแท้ มักที่จะมีหนองเกิดขึ้นด้วยทำให้คอลลาเจนถูกทำลาย จึงมักที่จะมีแผลเป็นเกิดขึ้นหลังสิวหาย แผลเป็นใต้ผิวหนัง จะทำให้ พังผืด ที่ดึงรั้งผิวหนังจนทำให้กลายเป็นหลุม 

ลักษณะรอยแผลเป็นหลังจากการเป็นสิว

ประเภทของหลุมสิว


1. Rolling Scars หลุมสิวจะมีลักษณะคล้ายกับแอ่งกระทะ ขอบรอบๆดูคล้ายกับรอยเหี่ยวย่น มักเกิดขึ้นจากการอักเสบของสิวขนาดใหญ่ ที่ได้รับการรักษามาบ้าง แต่การยุบตัวของสิวไม่สัมพันธ์กับการสมานตัวกับผิว เป็นรอยหลุมสิวที่สามารถรักษาได้ง่ายกว่าหลุมสิวประเภทอื่น

2. Box Scars หลุมสิวจะมีลักษณะคล้ายกับหลุมกล่องวงรี ขนาดประมาณ 3-4 มิลลิเมตร เป็นทรงตรงลึกลงไป มักเกิดขึ้นมาจากการอักเสบของสิวขนาดใหญ่ๆ หรือเกิดขึ้นจากการเป็นอีสุกอีใส เป็นลักษณะหลุมสิวที่ค่อนข้างรักษาได้ยาก

3. Ice Pick Scars หลุมสิวจะมีลักษณะเหมือนถูกที่เจาะน้ำแข็งทิ่มลงไป ขนาดมักจะไม่เกิน 0.5 มิลลิเมตร ดูเหมือนรูจะเล็ก แต่ลึก ซึ่งรักษายากมากที่สุด 

สาเหตุของการเกิดหลุมสิว


1. การบีบ แคะ แกะ เกา ทำให้สิวอักเสบมากขึ้น พร้อมกับทิ้งรอยคล้ำ และหลุมสิว

2. สิวอักเสบรุนแรง

3. การติดเชื้อแบคทีเรียลุกลาม

4. กรรมพันธุ์ ถ้าหากคนในครอบครัวมีประวัติการเกิดหลุมสิวหลังจากที่เป็นสิงอย่างรุนแรง ก็มีโอกาสที่เมื่อเราเป็นสิวจะเกิดหลุมสิวทันทีเมื่อหาย

การรักษาหลุมสิว


การรักษาหลุมสิว ที่กำลังจะแนะนำดังต่อไปนี้ เป็นวิธีการรักษาที่รวบรวมมาเป็นความรู้ เพื่อช่วยให้คุณสาวๆ มีแนวทางในการรักษาหลุมสิวได้ด้วยตัวเอง ซึ่งทุกวิธีสามารถช่วยทำให้หลุมสิวดีขึ้นได้ แต่ก็ยังไม่มีวิธีไหนที่สามารถได้ผล 100 % สำหรับวิธีการรักษาหลุมสิว มีดังต่อไปนี้

1. ทาครีมลบรอยแผลเป็น ควรเลือกครีมที่มีส่วนผสมของวิตามิน E , AHA , BHA เป็นการช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง

2. การทายา ควรเลือกทายากลุ่มอนุพันธ์ของวิตามิน A เช่น Retin A เป็นการช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง

3. การทานยา ควรทานยาที่สกัดจากอนุพันธ์วิตามิน A (Retinoids) เช่น Roaccutance, Acnotim , Lsortretinoin เป็นการช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง
4. การลอกผิวหนังด้วยกรดผลไม้ที่มีฤทธิ์เป็นกรด เช่น AHA , BHA, PHA เป็นการทำให้เซลล์ผิวหนังด้านบนหลุดออกมา และเกิดการซ่อมแซมและดันหลุมสิวให้ดีขึ้น

5. แต้มกรด TCA เป็นการทำให้เซลล์ผิวหนังด้านบนหลุดออกมา และเกิดการซ่อมแซมและดันหลุมสิวให้ดีขึ้นใหม่

6. งดแอลกอฮอล์ เนื่องจากแอลกอฮอลล์ มีฤทธิ์ในการยับยั้งการสร้างคอลลาเจน ในขณะที่กำลังรักษาหลุมสิว จึงควรที่จะงดเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ 

การป้องกันการเกิดหลุมสิว



การรักษาหลุมสิวที่ดีนั้น วิธีที่ดีที่สุดคือการป้องกันการเกิดหลุมสิวใหม่ขึ้น เมื่อเกิดสิวอักเสบขึ้น ต้องรักษาให้หายจากอาการอักเสบให้เร็วที่สุด เพราะยิ่งสิวอักเสบอยู่บนใบหน้าเรามากท่าไหร่ โอกาสในการที่จะเกิดแผลเป็นบนใบหน้าก็จะมีมากเท่านั้น โดยการทายาฆ่าเชื้อสิว เช่น Benzac, Panoxly การฉีด Steroid หรือทานยาปฏิชีวนะ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีวิธีการป้องกันอื่นๆ ที่ควรรู้ ดังต่อไปนี้

1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับฝุ่นละออง ควันรถ หรือควันมากๆ เพราะจะมีแบคทีเรียและคราบสกปรกมาอุดตันที่รูขุมขน ทำให้เกิดสิวอักเสบขึ้น

2. อย่าเอามือไปยุ่งกับใบหน้าเกินความจำเป็น เช่น การล้วง แคะ แกะ เกา ควรสัมผัสกับใบหน้าเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เพราะมือของเรามักเต็มไปด้วยคราบสกปรก และเชื้อแบคทีเรีย 

3. ห้ามใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของน้ำมัน เพราะจะยิ่งทำให้เกิดสิวอักเสบได้ง่ายขึ้น

4. กำจัดความมันบนใบหน้า โดยใช้กระดาษซับมัน ควรทำเฉพาะเมื่อใบหน้ามีความมันมากๆเท่านั้น

5. สระผมทุกวัน โดยเฉพาะคนที่ผมยาวปิดหน้าผาก หรือแก้มทั้งสองข้าง เพราะผมของเราก็เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค และสิ่งสกปรกเช่นกัน

6. ไม่ควรนอนดึกเกิน 4 ทุ่ม เพราะยิ่งนอนดึกมากเท่าไหร่ สิวก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

7. อย่าล้างหน้าบ่อย ควรล้างเพียงวันละ 2 ครั้ง ในตอนเช้า และตอนเย็นเท่านั้น ในช่วงกลางวันหากหน้ามันมาก ควรใช้กระดาษซับมันแทนการล้างหน้า

8. ทำความสะอาดผิวหน้าทุกครั้งก่อนนอน

9. ถ้าหากเป็นสิวบ่อยๆ ควรทายาฆ่าเชื้อหัวสิว เช่น clindamycin, mupirocin, erythromycin +

ที่สำคัญที่สุดคือ พึงท่องเอาไว้ในใจเสมอเวลาเกิดสิวขึ้นบนใบหน้าว่า การรักษาสิวนั้น ถูกกว่าการรักษาแผลเป็น หรือหลุมที่เกิดขึ้นจากสิวหลายเท่านัก เพราะการรักษาหลุมสิว โดยส่วนใหญ่ต้องใช้เวลานาน อาจจะเป็นปี กว่าที่คอลลาเจนจะสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาทนแทน

10. การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดความมันบนใบหน้า การลดความมันบนใบหน้าโดยการใช้กระดาษซับมัน สามารถช่วยลดความมันได้เพียงชั่วคราว เพราะต่อมไขมันก็จะผลิตไขมันออกมาทดแทนในส่วนที่หายไปอยู่ดี วิธีแก้ไขที่ถูกต้องคือ ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยควบคุมความมันและลดการเกิดไขมัน ที่สำคัญคือควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยกระชับรูขุมขนให้เล็กลง ซึ่งจะทำให้การผลิตไขมันน้อยลงไปด้วย

วันพุธที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2557

มาเลือกใช้ โลชั่นที่ช่วยในเรื่องของผิวขาวกันเถอะ

การทาครีม หรือ โลชั่น เป็นวิธีการบำรุงผิวอย่างหนึ่ง เพื่อเสริมสร้างความชุ่มชื้นแก่ผิวพรรณ

และแก้ไขปัญหาต่างๆ เช่น ผิวหยาบกร้าน ผิวแห้ง ผิวหมองคล้ำ เป็นต้น


การทาโลชั่น นั้น สามารถทาได้ตลอดเวลา หลังจากอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาด และให้ผลดีมากใน

เวลากลางคืน หากมีการบำรุงผิวแล้ว ให้ร่างกายได้นอนหลับพักผ่อนในช่วงเวลากลางคืน โลชั่นและร่างกาย

จะช่วยให้ผิวพรรณดูดีขึ้น



เมื่อรู้ดังนั้นแล้ว อย่างน้อย เวลาเช้าหลังอาบน้ำ และเวลากลางคืน เราต้องทาโลชั่นกันอยู่แล้ว คุณสาวๆ

คงไม่เพียงต้องการเรื่องของความชุ่มชื้นกันอย่างเดียวใช่ไหมล่ะคะ เพราะ โลชั่นช่วยเรื่องอื่นได้ด้วย เมื่อ

มีเวลาทาโลชั่นแล้ว ให้ได้ประโยชน์ควบคู่กันไปเลยดีกว่า


โลชั่น ขาว


นั่นคือ ต้องเป็นโลชั่นเพื่อการสร้างความขาว ทำให้ผิวขาวไปด้วยเลยในตัวจะดีกว่า


โลชั่น เพื่อผิวขาว ที่ดี ต้องมีองค์ประกอบสำคัญ คือ ส่วนผสมคะ ที่จะต้องมีคุณสมบัติเพิ่มความขาว

กระจ่างใสได้ โดยไม่เกิดอาหารแพ้ ปลอดภัย ไม่มีสารตกค้าง เพื่อความขาวใส อย่างต่อเนื่อง
ส่วนผสมสำหรับโลชั่นผิวขาว ที่ควรใช้ ก็ได้แก่ คอลลาเจน วิตามินซี กลูตาไธโอน และมะหาด คะ

หรือจะเป็นส่วนผสม เพียงอย่างใด อย่างหนึ่ง หรือทั้งหมดรวมกันก็ได้นะคะ เพื่อความขาวใส ลองเลือกที่

มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ไม่เหนียวเนอะนะ เพื่อเวลาใช้โลชั่น จะสามารถสร้างความผ่อนคลายไปได้ในตัว ช่วย

สร้างความรู้สึกดีจากกลิ่นที่ส่งออกมาได้และอีกอย่างหนึ่ง เมื่อมีส่วนผสมที่กล่าวมา เพื่อช่วยในเรื่องของความขาวแล้ว ที่ขาดไม่ได้คือ เมื่อทาโลชั่นแล้ว ควรทาครีมกันแดด เพิ่มเข้าไปอีกชั้นหนึ่ง เพื่อป้องกัน และกรองแสงแดด ไม่ให้ทำร้ายผิวด้วยนะคะ ไม่เช่นนั้นเราบำรุง เรารักษา แต่เราไม่ป้องกัน ก็ไม่เป็นผลคะ

Yume COLLAGEN GLUTATHIONE PLUS


ยูเมะ คอลลาเจน 30 ซอง 1 กล่อง กล่องละ 1099 บาท
ยูเมะ คอลลาเจน คอลลาเจนจากปลาทะเลน้ำลึก ของประเทศญี่ปุ่น
-inulin (ไฟเบอร์) เพิ่มกากในระบบทางเดินอาหาร ช่วนกระตุ้นการขับถ่าย
-sugarlose สารให้ความหวานแทนน้ำตาล ไม่มีพลังงาน
 วิธีรับประทาน ยูเมะคอลลาเจน 16000 มิลลิกรัม : 
สูตร 1 OverDose (วันละ 1 ซองก้อเพียงพอแล้วค่ะ)ฉีก YUME Collagen 20000mg 1 ซอง
ผสมในน้ำเย็น 1 แก้ว คนให้เข้ากันแล้วดื่มได้เลย 

หรืออีกวิธีฉีกซอง YUME Collagen แล้วเทผงลงขวดน้ำดื่มใส่น้ำเย็นตามพอประมาณ

เชคให้เข้ากันแล้วดื่มได้ทันที วิธีนี้จะสะดวกและละลายเร็วกว่าค่ะ

วิธีเก็บรักษา ยูเมะ คอลลาเจน
เก็บในที่แห้ง ปราศจากความชื้นและห่างจากแสงแดด

YUME Collagen กลิ่นเลมอน รสชาติหอมหวานอมเปรี้ยวกลมกล่อม

ส่วนประกอบที่สำคัญ YUME Collagen

คอลลาเจนจากปลาทะเลน้ำลึก 9000 มก.
คอลลาเจนไตรแปปไทม์ 1000 มก.
แอล-กลูต้าไธโอน 250 มก.
แอล-ซิสเทอิน 500 มก.
แอล-กลูตามีน 2000 มก.
แอล-ไกลซีน 100 มก.
อะเชโลล่าเชอร์รี่ สกัด 100 มก.
อัลฟ่า ไลโปอิก แอซิท 50 กมก.
ซิงค์ อะมิโน แอซิท คีเลท 75

น้ำหนักสุทธิ (Net Weight) ของ ยูเมะ Collagen :20 g * 30 Sachets (16,000 มิลลิกรัม : 1 ซอง)

ยูเมะคอลลาเจน มีดีและแตกต่างอย่างไร ?1. ยูเมะคอลลาเจนเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ช่วยบำรุงเรื่องผิว
2. อย่าลืมว่าทานคอลลาเจนเพียงอย่างเดียวไม่มีส่วนช่วยให้ผิวขาว ต่อให้ทานวันละเป็นแสนมิลลิกรัมก้อไม่ขาว
3. ยูเมะคอลลาเจนมีสารเพื่อผิวขาวทั้ง 4 แอล คือแอล-กลูต้าไธโอน , แอล-ซีทเตอีน , แอล-กลูตามีน และแอล-ไกลซีน
4. ยูเมะคอลลาเจน มีสาร ala หรือ กรดแอลฟาไลโปอิค 
5. ยูเมะคอลลาเจน มีส่วนประกอบสำคัญของ Zinc เข้มข้นมากซึ่งจะมีส่วนช่วยในการลดสิว
6. ยูเมะคอลลาเจนมีส่วนประกอบของอะเซโรล่าเชอรี่ ซึ่งจะเสริมสร้างประสิทธิภาพการทำงานของคอลลาเจน
7. คอลลาเจนทานวันละเท่าไหร่ก้อได้ ไม่มีอันตราย แต่ร่างกายของคนเราจะมีระดับการดูดซึมได้มากหรือน้อยแตกต่างกันไป 
ฉะนั้นควรทานแค่วันละไม่เกิน 10,000 มิลลิกรัม ตามที่องค์การอาหารและยาประเทศไทยกำหนด
8. ยูเมะคอลลาเจนสามารถทานได้วันละ 1 ซอง แนะนำให้ทานช่วงท้องว่างก่อนนอน
9. ยูเมะคอลลาเจนผ่าน อย. เรียบร้อย ฉะนั้นจึงมั่นใจได้ว่าไม่เป็นอันตรายต่อระบบร่างกายโดยรวมอย่างแน่นอน



ยูเมะคอลลาเจน
คอลลาเจนเข้มข้นสูงสุด 10,000 มิลลิกรัม ในปริมาณ : ซอง 16,000 มิลลิกรัม 
จัดเต็มทั้ง แอล-กลูต้าไธโอน, แอล-ซีทเตอีน, แอล-ไกลซีน,และยังมี
แอล-กลูตามีน มากที่สุดในประเทศไทยถึง 2,000 มิลลิกรัม


*ผลลัพธ์การใช้ผลิตภัณฑ์ อาจไม่เท่ากัน และแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของบุคคลนั้นๆ

rLalRF.jpg [600x1162px] ฝากรูป




วันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2557

Colly Plus 10000mg

 CollyPlus 10000 mg
 
Colly Plus คอลลี่ พลัส คอลลาเจนเข้มข้น 10,000 MG กล่องละ 15 ซอง ปกติราคา 1,950 บาท ลดพิเศษเพียง ราคา 1,500 บาท เท่านั้น
 
Colly Plus 10,000 mg คอลลี่พลัส เพิ่มแอลกลูต้าไธโอน และสารอาหารอื่นๆ อีกเพียบ เข้มข้นกว่าเดิมผสมเนื้อสตรอเบอรี่ด้วยเป็นคอลลาเจนเกรดพรี่เมี่ยม AAA นำเข้าจากญี่ปุ่น มาตราฐาน อย. GMP, HACCP, Halal เพื่อผิวใสเนียนเด้งเร่งด่วน ขาวใสอมชมพูมีออร่า
Colly Plus 10,000 mg : Collagen เข้มข้น 10,000 mg
Colly Collagen เป็นคอลลาเจนนำเข้าจากญี่ปุ่น และทางโรงงานผู้ผลิตที่ญี่ปุ่น ควบคุมการผลิตตั้งแต่ขั้นเพาะพันธุ์ ลูกปลาจนมาถึงเป็นผงคอลลาเจนแบบพรี่เมี่ยม (แต่ใส่คอลลาเจนต่อ 1 หน่วยบริโภค มากถึง 10000 มิลลิกรัม) มวลโมเลกุลเล็กมาก ทำให้ดูดซึมได้ดีกว่าหลาย ๆ ยี่ห้อ ดูดซึมได้ตั้งแต่ในช่องปาก ที่สำคัญไม่ตกค้างในร่างกาย พกพาสะดวก เพราะบรรจุเป็นซอง ได้รับมาตรฐานจากองค์การอาหารและยา (อย.),GMP,HACCP และ Halal รสชาติอร่อย ทานง่าย ไม่มีกลิ่นคาว หอมกลิ่นสตรอเบอรี่ เห็นผลชัดเจน เรื่องความนุ่ม ความใส เพราะใส่วิตามินซีเข้มข้น + L glysine (กรดอะมิโน ที่เป็นสารตั้งต้น ให้ร่างกายสร้างสารกลูต้าไธโอนได้เองโดยธรรมชาติ)
- สีผงของตัว Colly plus 10,000 mg. จะเป็นผงสีชมพูคะ ซึ่งผงสีชมพูได้จากสีธรรมชาติ เพราะผสมเนื้อสตอเบอร์รี่เเท้ เข้าไปด้วยคะ เวลาชงทานจะเห็นเป็นเหมือนตะกอนเกล็ด ๆ ไม่เป็นอันตรายนะคะ เพราะตัวคอลลาเจนได้ละลายหมดเเล้ว เเต่ที่เห็นเป็นผงตะกอนเป็นของเนื้อสตอร์เบอร์รี่จ๊าา ทำให้มีกากใยอาหารเพิ่มเข้าไปด้วย สินค้านำเข้าเกรดพรีเมี่ยม เน้นคุณภาพเหมือนเดิมจ๊าา ^^
- รสชาติ จะเป็นรสสตอร์เบอร์วรี่ผสมกับส้มค่ะ เป็นรสสตอร์วเบอร์รี่ ซีทรัส จะรสชาติเข้มข้นยิ่งขึ้น อมเปรี้ยวนิดๆ เพราะเพิ่มวิตามินซี เเละอะเชอร่าเชอร์รี่ เข้าไป ซึ่งจะเสริมประสิทธิภาพการดูดซึมคอลลาเจนได้มากยิ่งขึ้นด้วยจ๊ะ อีกทั้งทำให้ผิวเราสว่างใส ไม่ต้องไปทานวิตามิน C เพิ่มอีกเเล้วคะ
- เพิ่มตระกูล L(เเอล) เข้าไปจากเดิมที่มีเเค่เเอลไกลซีน โดยเพิ่ม L-กลูต้าไธโอน (สูงสุดถึง 250 mg ตามที่ อ.ย อนุญาติ) ,L- กลูตามิน , L-ซิสเตอีน ตระกูลเเอล 3 ตัวนี้จะทำงานได้ดีที่สุดเมื่ออยู่รวมกันคะ จะช่วยเสริมประสิทธิภาพ ให้ร่างกายสามารถผลิตกลูต้า ได้เองตามธรรมชาติ ทำให้ผิวเราสว่าง กระจ่างใส มากยิ่งขึ้น
-เพิ่ม เบต้า เเคโรทีน เเละวิตามิน บี 3 ช่วยเรื่องความขาว ทำให้เสริมประสิทธิภาพการทำงานได้ดียิ่งขึ้น
รวมอนุพันธ์ของเหล่าวิตามินเข้มข้น ช่วยผิวใสเด้งในเวลาอันรวดเร็วค่ะ ผิวพรรณและใบหน้าดูเนียนนุ่ม ขาว มีออร่า กระจ่างใส และเต่งตึง ฟื้นฟูสภาพเซลล์ของผิวหนัง ทำให้ผิวพรรณดูดีขึ้นจากภายใน!!

ส่วนประกอบสำคัญ Colly Plus 10,000 mg ใน 1 ซอง (15 กรัม)

- คอลลาเจน 10000 มิลลิกรัม
- แอล-กลูตามีน 60 มิลลิกรัม
- แอล-ซิสเตอีน 50 มิลลิกรัม
- แอล-กลูต้าไธโอน 25 มิลลิกรัม
- Glycine 10 มิลลิกรัม
- แคลเซียมแอสคอร์เบต 60 มิลลิกรัม
- ไนอะซินาไมด์ (วิตามิน บี 3) 20 มิลลิกรัม
- เบต้าแคโรทีน 10 มิลลิกรัม

ผลลัพธ์ของการทาน Colly Plus 10,000 mg

- หน้าใส มีออร่า หน้าเด้งขึ้น
- ผิวเรียบเนียน นุ่มขึ้น รูขุมขนเล็กลง
- รอยด่างดำ จางลงอย่างเห็นได้ชัด
- ขาวกระจ่างใสขึ้น ผิวใสขึ้น
- ประหยัดเงินและเวลามี่ต้องลองผิดลองถูก

ประโยชน์ของ Colly Plus Collagen 10,000 mg

ความหมองคล้ำของใบหน้าลดลง ใบหน้าดูขาว กระจ่างใส ผิวพรรณและใบหน้าดูเรียบเนียน นุ่มขึ้น ขาว มีออร่า กระจ่างใส และเต่งตึง ริ้วรอย ร่องลึก รอยตีนกา รอยสิว ดูลดลง ชะลอความแก่ของใบหน้าและผิวพรรณ ฟื้นฟูสภาพเซลล์ของผิวหนังแท้หรือผิวหนังชั้นใน ซึ่งจะเสื่อมสภาพและลดลงไปตามอายุ ทำให้ผิวพรรณดูดีขึ้นจากภายใน ช่วยฟื้นฟูสภาพผมเสียแตกปลาย และผิวหนังศรีษะไม่แข็งแรง ช่วยฟื้นฟูอวัยวะต่าง ๆ เช่นข้อต่อ เอ็น กระดูกอ่อน ช่วยลดอาการบาดเจ็บของอวัยวะ
ลักษณะซองเป็นสีเงิน มันวาว
ลักษณะกล่องจะเป็นปั้มนูน รอบฉลากโลโก้ เป็นสีทอง มันวาว มีเลขที่ อ.ย ลอตวันผลิต วันหมดอายุ ขนาดกล่องความหนาเล็กลงกว่าตัวเดิม บรรจุกล่องละ 15 ซอง ซองละ 15 กรัม
วิธีรับประทาน
ละลาย ผลิตภัณฑ์ 1 ซอง (15 g.) ในน้ำอุณหภูมิปกติหรือน้ำเย็น ปริมาณ 100-150 ml เเละใช้ช้อนคนให้ละลาย ปริมาณน้ำอาจปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมได้ เเล้วเเต่ว่าชอบทานเข้มข้นมากน้อยเเค่ไหนค่ะ
สินค้าเข้าเร็วนี้นะคะ อดใจรอกันหน่อยน๊าาา ^^
รับรองคุณภาพเข้มข้น&อร่อยๆเว่อร์ๆจ้าา

เลขจดแจ้ง อ.ย 10-1-04741-1-0764 มั่นใจว่าผู้บริโภคปลอดภัยเเน่นอนคะ

สุดยอดวิธีช่วยลดสิวอุดตันที่ได้ผลที่สุด

 


สิวอุดตัน หรือ สิวไม่มีหัว เกิดขึ้นมาจากสาเหตุเดียวกับสิวประเภทอื่นๆ เช่น เกิดขึ้นจากกรรมพันธุ์ ความมันของใบหน้า คราบสกปรกจากมลภาวะ รวมไปถึงเชื้อแบคทีเรียอื่นๆ เป็นต้น ปัจจัยเหล่านี้ล้วนแต่ทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนฝังลึกอยู่ภายใต้ผิวหนัง และเป็นประเภทของสิวที่พบได้มากกว่า 70% ของปัญหาสิวที่พบ โดยสามารถพบได้ในทุกกลุ่มอายุ ทุกเพศ โดยส่วนใหญ่มักจะพบในวัยรุ่น และวัยหนุ่มสาว

ลักษณะของสิวอุดตัน


ลักษณะของสิวอุดตัน โดยส่วนใหญ่จะเป็นตุ่มนูนแข็ง สำหรับบางคนอาจเป็นก้อนไตฝังอยู่บนผิว โดยสังเกตได้ง่ายๆ ว่า สิวอุดตันจะเป็นสิวที่ไม่มีหัวขาว หรือหัวดำ ขึ้นมาให้เห็นอย่างชัดเจนเหมือนกับสิวประเภทอื่นๆ มักจะเกิดขึ้นในบริเวณที่ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากๆ มักเกิดขึ้นได้บ่อยบริเวณใบหน้า ลำคอ และลำตัว โดยเฉพาะที่แผ่นหลัง ซึ่งเป็นจุดที่มีต่อมไขมัน Sebaceous gland จำนวนมาก

อย่ามองข้ามอันตรายของสิวอุดตัน!

สิวอุดตัน ถ้าหากมองเพียงผิวเผินอาจจะดูเหมือนเป็นประเภทของสิวที่ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากนัก เนื่องจากเป็นสิวที่มองเห็นไม่ค่อยชัดเจนจนน่าเกลียดเหมือนกับสิวหัวหนอง สิวหัวแดง สิงหัวดำ แต่ในความเป็นจริงแล้ว สิวอุดตัน เป็นจุดเริ่มต้นของสิวอักเสบ สิวหัวช้าง สิวหัวหนอง ฯลฯ ด้วยเหตุผลดั่งกล่าว คุณสาวๆ จึงควรที่จะทำการตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม โดยการกำจัดสิวอุดตัน ซึ่งจะเป็นการช่วยทำให้สิวชนิดอื่นๆไม่เกิดขึ้นมาตามไปด้วย

วิธีการรักษาสิวอุดตัน


วิธีการรักษาสิวอุดตัน สามารถทำได้หลายวิธี แต่สำหรับในวันนี้จะขอยกวิธีที่ได้รับความนิยมมาแนะนำให้คุณสาวๆรู้จักกันก่อน ดังต่อไปนี้

การรักษาสิวอุดตันเบื้องต้นด้วยตัวเอง

สำหรับในกรณีที่เป็นสิวอุดตันไม่มากนัก คุณสาวๆสามารถที่จะทำการรักษาสิวอุดตันได้ด้วยตัวเอง โดยวิธีง่ายๆ ดังต่อไปนี้

1. เริ่มต้นจากการรักษาความสะอาดของใบหน้า หลังจากที่ต้องออกไปผจญกับมลภาวะภายนอก มาทั้งวัน เมื่อกลับมาถึงบ้านก็ควรที่จะทำความสะอาดใบหน้า ไม่ให้มีคราบสกปรกหลงเหลือตกค้างอยู่ รวมไปถึงการทำความสะอาดใบหน้าหลังจากที่ใช้เครื่องสำอางแต่งหน้า มีข้อที่ควรระวังอีกประการคือ หากเริ่มมีสิวอุดตันบนใบหน้า ควรงดการแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอาง เพราะจะยิ่งทำให้เกิดการอุดตันของสิวมากยิ่งขึ้น

2. การใช้ยารักษาสิวชนิดทา โดยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยรักษาสิว ที่มีส่วนประกอบของกลุ่ม เบนซอยล์เพอร์ออกไซต์ (BP) หากเพิ่งเริ่มใช้ควรที่จะเริ่มจากผลิตภัณฑ์ที่มีค่าเปอร์เซ็นต์น้อยๆ, กรดไซลิไซลิก (BHA) และกลุ่มคลินดามันซิน ซึ่งส่วนใหญ่มักจะอยู่ในรูปแบบของโลชั่น ครีมแต้ม เป็นต้น

ครีมทาสิวอุดตัน ในกลุ่ม Tretionoin ที่ได้รับความนิยม ซึ่งมีความเข้มข้นต่างกัน ตั้งแต่ 0.025-0.1% โดยมีลักษณะเป็นเจล หรือน้ำ ยิ่งความเข้มข้นยิ่งสูงก็ยิ่งละลายสิวอุดตันได้ดี แต่จะมีผลค้างเคียงทำให้ใบหน้าเกิดความระคายเคืองมากขึ้นตามไปด้วย

ที่มาจาก www.kondoode.com